ตอนนี้เป็นนักเขียนบทความอิสระ ทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ หลังจบจากคณะมนุษยศาสตร์ เอกวรรณคดีอังกฤษ ด้วยความที่เป็นคนชอบสังเกตพฤติกรรมมนุษย์ ชอบพูดคุย และรักการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ทำให้ชีวิตของดิฉันรายล้อมไปด้วยเรื่องราวและความรู้สึกหลากหลาย ตั้งแต่เรื่องหนังสือ เพลง ไปจนถึงเรื่องของหัวใจ ดิฉันเป็นคนเปิดกว้าง สนุกกับการได้เจอผู้คนมากมาย แต่ขณะเดียวกันก็แอบซ่อนความเป็นคนคิดมาก และอ่อนไหวง่ายไว้ภายใน คนมักจะมองว่าดิฉันสดใส ร่าเริง ขี้เล่น แต่ความจริงแล้ว ดิฉันให้ค่ากับความสัมพันธ์มากกว่าที่ใครจะคาดคิด โดยเฉพาะเมื่อพูดถึง “ความรัก” และคำถามหนึ่งที่วนเวียนในใจมาตลอดก็คือ “คนแบบไหนกันนะ ที่จะเป็นเนื้อคู่ของฉัน?”
ในฐานะที่เกิดราศีเมถุน ดิฉันเคยอ่านเจอมาว่าคนที่เกิดราศีนี้มักเป็นคนสองบุคลิก ไม่ได้หมายถึงด้านมืดหรือด้านดีแบบชัดเจน แต่หมายถึงความหลากหลายทางอารมณ์ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ความอยากรู้อยากเห็น และความคิดที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ดิฉันมักจะสับสนกับความรู้สึกของตัวเองบ่อยครั้ง ไม่ใช่เพราะไม่แน่ใจว่ารักหรือไม่รักใคร แต่เพราะหัวใจกับสมองของดิฉันชอบพูดคนละภาษา ความรักในแบบของเมถุนไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าใจ เพราะมันเต็มไปด้วยชั้นเชิงของความคิด และบ่อยครั้งก็ทำให้คนข้าง ๆ เหนื่อยกับการตามจังหวะชีวิตของเราให้ทัน
อย่างไรก็ตาม ดิฉันไม่ได้มองว่าความรักของตัวเองผิดปกติ ดิฉันเชื่อว่าคนทุกคนมีภาษาแห่งความรักที่แตกต่างกัน สำหรับดิฉัน ความรักไม่ใช่แค่การพูดว่ารัก หรือการอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แต่คือการสื่อสารอย่างลึกซึ้ง เข้าใจในจังหวะชีวิตและจิตใจของกันและกัน ถ้าจะถามว่าอยากมีแฟนแบบไหน หรือเนื้อคู่ของดิฉันควรเป็นอย่างไร ดิฉันคงตอบว่า ต้องเป็นคนที่ไม่พยายามจับฉันไว้แน่นเกินไป เพราะคนเมถุนจะหายใจไม่ออกถ้าถูกควบคุม แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องมั่นคงพอที่จะอยู่กับเราแม้ในวันที่เราสับสน ไม่แน่ใจ และไม่สามารถอธิบายตัวเองได้ทั้งหมด
ดิฉันเคยเจอคนที่พยายามจะ “เข้าใจ” ดิฉัน แต่ความเข้าใจของเขากลับกลายเป็นการตีกรอบ ทำให้ดิฉันรู้สึกเหมือนกำลังถูกปั้นให้เป็นใครอีกคน เพื่อให้เข้ากับโลกของเขา นั่นไม่ใช่ความรักที่ดิฉันต้องการเลย ดิฉันอยากได้ความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยบทสนทนา ที่เราจะคุยกันได้ทุกเรื่อง ตั้งแต่ปรัชญาชีวิตไปจนถึงเรื่องไร้สาระในชีวิตประจำวัน คนที่ทำให้ดิฉันรู้สึกสนุกกับการใช้ชีวิต ไม่ใช่แค่กับเขา แต่กับตัวเองด้วย
สิ่งที่ดิฉันค้นพบจากความสัมพันธ์ในอดีตคือ ดิฉันไม่สามารถรักใครได้นานถ้าไม่มีบทสนทนาดี ๆ ระหว่างกัน ถ้าคนคนนั้นไม่สามารถพูดคุยหรือแลกเปลี่ยนความคิดกับฉันได้ ดิฉันจะเริ่มรู้สึกเหงาทั้งที่มีเขาอยู่ตรงหน้า ดิฉันไม่ต้องการใครมาเติมเต็มความว่างเปล่า เพราะฉันไม่ว่างเปล่า ฉันมีโลกของตัวเองที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและความคิดมากมาย แค่รอใครสักคนที่พร้อมจะเดินเข้ามาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
เมื่อไม่นานมานี้ ดิฉันลองเข้าไปดูดวงความรักในเว็บไซต์ Lovehoro.in.th ด้วยความอยากรู้อยากเห็นตามสไตล์เมถุน และพบว่า การดูดวงสามารถให้ข้อมูลที่น่าสนใจมากกว่าที่คิด ไม่ใช่แค่เรื่องโชคชะตา แต่เป็นเหมือนกระจกสะท้อนความคิดของเราเอง ในกราฟชีวิตเนื้อคู่ที่ดิฉันทดลองใช้ เว็บไซต์แนะนำว่าคนที่เหมาะกับดิฉันควรเป็นธาตุไฟ หรือธาตุลมด้วยกัน เช่น ราศีเมษ หรือราศีตุลย์ เพราะสามารถเข้าใจความเปลี่ยนแปลงและความคิดที่ไม่หยุดนิ่งของเมถุนได้ดี และพร้อมจะปรับตัวไปกับชีวิตที่ไม่มีแบบแผนตายตัว
ไพ่ยิปซียังให้คำแนะนำว่า ความรักของเมถุนจะประสบความสำเร็จได้ต่อเมื่อเราเรียนรู้ที่จะเปิดใจให้กับความนิ่งและความมั่นคงบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้อารมณ์และความคิดพาเราไหลไปเรื่อย ๆ การได้อยู่กับคนที่มั่นคง อดทน และไม่ด่วนตัดสิน จะช่วยให้เมถุนอย่างดิฉันค่อย ๆ ปรับจังหวะของตัวเองให้ช้าลง และเรียนรู้ว่าความรักไม่จำเป็นต้องตื่นเต้นตลอดเวลา
ดิฉันจึงเริ่มเข้าใจว่า เนื้อคู่ของฉันอาจไม่ใช่คนที่เข้ามาแล้วทำให้ใจเต้นแรงในทันที แต่อาจเป็นใครสักคนที่ค่อย ๆ เข้ามาในชีวิต อยู่ด้วยแล้วสบายใจ เข้าใจในความไม่แน่นอนของเรา และไม่รู้สึกว่าต้องควบคุมหรือตัดสินอะไร คนที่อยู่ตรงนั้นแม้ในวันที่ฉันไม่แน่ใจว่าอยากไปทางไหน คนที่ไม่พยายามเร่งให้ฉันรักเขา แต่ทำให้ฉันอยากอยู่กับเขาเองโดยธรรมชาติ
ท้ายที่สุดนี้ ดิฉันยังคงมองหาคนคนนั้นอยู่ค่ะ แต่ไม่ใช่ด้วยความกระวนกระวายหรือรีบร้อน เพราะดิฉันรู้ว่าตัวเองต้องการความรักที่มีความลึก ไม่ใช่ความผิวเผิน และเมื่อเขามา ดิฉันจะรู้เองว่าเขาคือ “ใช่” เพราะเขาจะไม่ต้องพยายามเปลี่ยนแปลงฉัน และฉันก็ไม่ต้องพยายามอธิบายตัวเองให้เขาเข้าใจ
สำหรับใครที่อยากรู้ว่าเนื้อคู่ของตัวเองจะเป็นอย่างไร ดิฉันอยากแนะนำให้ลองเปิดใจให้กับศาสตร์ดูดวงที่หลากหลายใน Lovehoro.in.th ไม่ใช่เพื่อยึดติดกับคำทำนาย แต่เพื่อใช้มันเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งในการทำความเข้าใจตัวเอง เพราะบางครั้ง คำถามว่า “ใครคือเนื้อคู่ของเรา?” อาจมีคำตอบอยู่ในคำถามว่า “เรารักตัวเองแบบไหน” ก็เป็นได้